ไอดีซีชี้ เอเชียสนลงทุนระบบความปลอดภัยไอที
บริษัทวิจัยตลาดชื่อดัง
เชื่อองค์กรธุรกิจเอเชียจะเทงบซื้อบริการ และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัยกว่า 2 เท่าตัวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า หลังหลายบริษัทตระหนักความปลอดภัย คือปัญหาหนักอกอันดับต้นๆ
สำนักข่าวซีเน็ต รายงานอ้างผลการศึกษาล่าสุดของบริษัทไอดีซี
ซึ่งระบุว่า ตลาดโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยในเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น จะขยายตัวจาก
1,900 ล้านดอลลาร์ เมื่อปีที่แล้ว เป็น 4,900 ล้านดอลลาร์ ในปี 2551
"เมื่ออัตราการใช้งานอินเทอร์เน็ตเติบโตเต็มที่
ประกอบกับอี-คอมเมิร์ซในเอเชีย-แปซิฟิกเฟื่องฟูขึ้นเรื่อยๆ
ระบบรักษาความปลอดภัยเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต จึงมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง ในแง่ของการวางกลยุทธ์
และการลงทุนขององค์กรธุรกิจ" ไอดีซีกล่าวไว้ในรายงาน และเสริมว่า
หากพิจารณาตามส่วนตลาด องค์กรธุรกิจ ก็มีแนวโน้มนำนโยบาย และโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมมาใช้มากขึ้น
อีกทั้งยังว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรักษาความต่อเนื่องในการทำธุรกิจ
และป้องกันทรัพย์สินที่มีค่าของบริษัท แม้ข้อค้นพบเหล่านี้
จะไม่ใช่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากมีการตื่นตัวเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยมากขึ้น
หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายน
และการโจมตีของไวรัสคอมพิวเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ไอดีซี เปิดเผยว่า ปัจจุบันหลายบริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการปรับแผนการความปลอดภัย
เพื่อรับมือกับการโจมตีเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรูปแบบใหม่ๆ
รายงานฉบับเดียวกันนี้ ยังระบุด้วยว่า
องค์กรธุรกิจหลายแห่ง หันมาใช้ผลิตภัณฑ์รักษาความปลอดภัยหลายอย่างรวมกัน อาทิ
ไฟร์วอลล์, ระบบตรวจสอบการบุกรุก, การประเมินข้อบกพร่อง
และเครื่องมือเข้ารหัส เพื่อป้องกันการโจมตีแบบผสมที่เพิ่มจำนวนขึ้น ตัวอย่างเช่น
เวิร์มนิมดา ที่สามารถแพร่ระบาดได้หลายวิธี และกลายเป็นอาวุธยอดนิยมของนักเขียนโปรแกรมไวรัสในรอบหลายปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน หลายบริษัทได้เตรียมความพร้อมรับมือการโจมตี เพื่อลดปัญหารบกวนการปฏิบัติการงานของพนักงาน
และรักษาความต่อเนื่องขององค์กรธุรกิจให้มากที่สุด
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2547
|