อุตสาหกรรมพีซีสุดคึก ไอดีซี ระบุความนิยมในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค และองค์กรธุรกิจเทงบใช้จ่ายด้านไอทีมากขึ้น ดึงยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 11.4% ขณะที่การ์ทเนอร์ฟันธงยอดขายมือถือรวมทั้งปี น่าจะอยู่ที่ระดับ 580 ล้านเครื่อง สอดรับกับตัวเลข 585 ล้านเครื่อง ของสเตรททีจิค อะนาลิทิคส์

สำนักข่าวซีเน็ต รายงานโดยอ้างผลการศึกษาของบริษัทวิจัยตลาดไอดีซี ซึ่งทำนายไว้ว่า ยอดขายคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลทั่วโลกในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ ราว 11.4% คิดเป็น 172.1 ล้านเครื่อง โดยเป็นผลมาจากผู้ผลิตแข่งขันกันลดราคาเพื่อจูงใจผู้บริโภค องค์กรธุรกิจเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านไอที และคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คได้รับความนิยมมากขึ้น

นายลอเรน เลิฟเวอร์เดอ ผู้อำนวยการไอดีซี เปิดเผยว่า แม้มูลค่าที่แท้จริงของตลาด จะเพิ่มขึ้นที่ระดับต่ำกว่า 1.2% หรือคิดเป็นมูลค่า 178,000 ล้านดอลลาร์ เพราะ พีซีถูกขายออกไปในราคาต่ำ แต่การเพิ่มขึ้นของตัวเลขยอดขายข้างต้น ส่งผลดีกับบริษัทพีซีหลายแห่ง ไม่ว่า จะเป็นบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด โค. บริษัทเดลล์ อิงค์. รวมถึงบริษัทไอบีเอ็ม คอร์ป. และบริษัทเกตเวย์ อิงค์. ซึ่งตกลงซื้อกิจการของอีแมชีนส์ไปเมื่อเร็วๆนี้  "ดูเหมือนว่าการฟื้นตัวของตลาดพีซีจะถึงจุดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่สุดแล้ว" นายเลิฟเวอร์เดอ กล่าว การคาดการณ์ในครั้งนี้ของไอดีซี สอดคล้องกับการประเมินของบริษัทการ์ทเนอร์ ซึ่งระบุไว้เมื่อเดือนที่ผ่านมาว่า ยอดขายพีซีในปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 13.9% เป็น 187 ล้านเครื่อง ทั้งนี้ แม้ทั้งสองบริษัท ใช้วิธีการวัดยอดขายพีซีที่แตกต่างกัน แต่มีความเห็นตรงกันว่าตลาดพีซีกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัว ขณะเดียวกัน ไอดีซี ยังทำนายด้วยว่า ในปีหน้า จะได้เห็นยอดขายพีซี เพิ่มขึ้น 11.2% เป็น 191.4 ล้านเครื่อง และจะลดลงประมาณ 8% ทุกปี ไปจนถึงปี 2551

เมื่อวันจันทร์ (8 มี.ค.) ไอดีซี ประเมินว่า ยอดขายชิพสำหรับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในปีนี้ จะเพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นมูลค่า 53,600 ล้านดอลลาร์ และเติบโตเฉลี่ย 7.8% ช่วงปี 2546-2551 ตามอัตราการขยายตัวของยอดจำหน่ายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ในวันเดียวกันนี้ บริษัทการ์ทเนอร์ เปิดเผยว่า จากยอดขายโทรศัพท์มือถือที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้สามารถทำนายได้ว่า ยอดขายมือถือทั้งปี จะมีทั้งหมด 580 ล้านเครื่อง ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขประเมินของบริษัทสเตรททีจิค อะนาลิทิคส์ ซึ่งระบุว่า ยอดขายมือถือทั้งปี น่าจะอยู่ที่ระดับ 585 ล้านเครื่อง โดยในปีที่ผ่านมา โนเกีย ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งไว้อย่างเหนียวแน่น ด้วยสัดส่วนยอดขาย 34.7% ตามมาด้วยโมโตโรล่า 14.5% ซัมซุง 10.5% ซีเมนส์ 8.4% และโซนี่ อีริคสัน 5.1%

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 12 มีนาคม 2547