IDC ชี้ไอทีไทยปีลิงโต 11.8% เผยตลาดพีซีพุ่ง 1.24 ล.เครื่อง
"ไอดีซี" ฟันธงตลาดไอทีปี"47 โต 11.8% ด้วยมูลค่า 87,320
ล้านบาท เหตุโครงการภาครัฐ-เอกชนหนุนลงทุนด้านไอทีตามภาวะเศรษฐกิจ
เผยตลาดพีซีปีนี้อยู่ที่ 1.13 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 45% แต่มูลค่าตลาดโตแค่ 7% เพราะเป็นการขยายตัวในตลาดล่าง
ระบุแนวโน้มปีหน้าตลาดพีซีโฮมยูสเติบโตลดลง เหตุโครงการไอซีทีดูดกำลังซื้อล่วงหน้าไปแล้ว
นายเจสัน
แคดดีส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด
เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดไอทีปี 2547 จะเติบโตขึ้น 11.8%
ด้วยมูลค่าประมาณ 87,320 ล้านบาท (2,183 ล้านเหรียญสหรัฐ) จากที่ปีนี้ตลาดมีอัตราเติบโตประมาณ
8% มูลค่าประมาณ 80,000 ล้านบาท
และคาดว่าในปี 2548 จะมีการเติบโตถึง 12% ตามการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยถือว่าตลาดไอทีประเทศไทยในช่วง 2 ปีข้างหน้าจะมีอัตราการเติบโตสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกัน อาทิ อินโดนีเซีย,
มาเลเซีย และสิงคโปร์
นายเจสันกล่าวว่า จากการที่ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนโครงการด้านไอทีอย่างจริงจังผลักดันให้ตลาดไอทีเติบโตแบบก้าวกระโดด
โดยเฉพาะโครงการคอมพิวเตอร์ไอซีทีทำให้ยอดขายคอมพิวเตอร์ปีนี้ 1.13 ล้านเครื่อง อัตราเติบโตประมาณ 45%
แต่มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเพียง 7% โดยมีมูลค่ารวมประมาณ 33,800
ล้านบาท เนื่องจากเป็นการขยายตัวในตลาดล่างเครื่องราคาประหยัดทำให้มูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
สำหรับในปี 2547
ถ้าไม่รวมถึงปัจจัยพิเศษจากโครงการคอมพิวเตอร์ 1 ล้านเครื่องของไอซีทีคาดว่าตลาดอยู่ที่
1.24 ล้านเครื่อง
"ถ้าพิจารณาการใช้จ่ายในตลาดพบว่ากลุ่มผู้ใช้ตามบ้านมีอัตราเติบโตลดลงประมาณ
5% จากปีนี้ที่มีการเติบโตกว่า 15%
เนื่องจากโครงการคอมพิว เตอร์ไอซีทีออกมากระตุ้นกำลังซื้อในปีนี้สูงกว่าเป้าที่วางไว้
ถือว่าเป็นการดึงกำลังซื้อในอนาคต แต่ตลาดดังกล่าวจะเป็นฐานที่ใหญ่ขึ้นเมื่อลูกค้าต้องการเปลี่ยนหรืออัพเดตเครื่องในอนาคต
ส่วนตลาดโครงการภาครัฐและองค์กรธุรกิจ อาทิ อุตสาหกรรมการผลิต ค้าปลีก จะมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น
เนื่อง จากมีการลงทุนภายในประเทศมากขึ้น และจำเป็นต้องนำไอทีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันในธุรกิจมากขึ้น"
ในปีนี้ตลาดผู้ใช้ตามบ้านและออฟฟิศขนาดเล็กตอบรับคอมพิวเตอร์สูงสุดถึง
57% องค์กรธุรกิจ 23% ตลาดเอสเอ็มอี 9% ตลาดภาครัฐ 6% และตลาดการศึกษา 5% ส่วนในปี 2547 คอมพิวเตอร์สำหรับองค์กรธุรกิจจะมีอัตราเติบโตสูงสุด
เนื่องจากองค์กรธุรกิจต้องการเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านไอทีเพิ่มมากขึ้น
นายเจสันกล่าวว่า การแข่งขันในปี 2547
จะต้องใช้กลยุทธ์การทำตลาดที่แตกต่างจากปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการต่างพยายามสร้างโอกาสใหม่ๆ
ในธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันมากขึ้น ซึ่งจะเข้าไปโฟกัสตลาดที่มีการลงทุนสูง
อาทิ ตลาดจะมีการใช้งานสตอเรจโซลูชั่นเพิ่มมากขึ้น คาดการณ์กันว่าในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) จะเพิ่มขึ้นจาก
190,000 เทราไบร์ในปีนี้เป็น 300,000
เทราไบร์ในปี 2547
ในส่วนซอฟต์แวร์และการให้บริการด้านไอที (software and IT services)
ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็วและมีอัตราการเติบโตมากกว่าฮาร์ดแวร์
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายทางด้านฮาร์ดแวร์ยังคงมีสัดส่วนสูงกว่า 70% ของมูลค่าการใช้จ่ายเกี่ยวกับไอทีทั้งหมด โดยเครื่องคอมพิว เตอร์ส่วนบุคคลยังคงสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งของมูลค่าตลาดฮาร์ดแวร์รวม
นายเจสันกล่าวว่า องค์กรธุรกิจมีการตอบรับโซลูชั่นในการบริการจัดการต่างๆ
เพื่อเพิ่มประสิทธิ ภาพในองค์กร และสร้างโอกาสในการแข่งขันได้มากขึ้น อาทิ
โซลูชั่นอีอาร์พี หรือซีอาร์เอ็ม เป็นต้น รวมทั้งให้บริการด้านไอทีให้ความสำคัญกับการทำตลาดในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น
โดยเข้าช่วยแก้ปัญหาในธุรกิจร่วมกับลูกค้าอย่างแท้จริง ดังนั้น จึงทำให้ตลาดมั่นใจในบริการและสามารถตอบรับการลงทุนด้านไอทีได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ บริการเอาต์ ซอร์ซ (outsourcing) ได้มีการขยายไปสู่องค์กรธุรกิจหรือกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้น
จากเดิมที่โฟกัสอยู่เพียงกลุ่มธนาคารหรือสถาบันการเงิน เนื่องจากองค์กรธุรกิจต้องการลดต้นทุนและให้ความสำคัญกับการโฟกัสธุรกิจหลักให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้านนางสาวอัฏทวรรณ สุวรรณชื่น นักวิเคราะห์ ตลาด
ส่วนอุปกรณ์ต่อพ่วง บริษัท ไอดีซี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมพรินเตอร์ในปีนี้อยู่ที่ประมาณ 912,896 เครื่อง เติบโตจากปี 2545 ประมาณ 23% เนื่องจากโตตามการใช้งานคอมพิว เตอร์ และคาดว่าในปี 2547 จะเพิ่มเป็น 957,350 เครื่อง เติบโตประมาณ 4.9%
ทั้งนี้ พรินเตอร์อิงก์เจ็ตจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในกลุ่มพรินเตอร์มัลติฟังก์ชันเติบโตกว่า
398% ในปีนี่ด้วยยอดจำหน่ายประมาณ 102,624
เครื่อง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 170,690 เครื่องในปี 2547 เติบโตประมาณ 66.3%
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 22 ธันวาคม 2546
|