รายงาน : ไอดีซีชี้ตลาดไอทีจีนขยายตัวสูงสุด
ไอดีซี
เผยแนวโน้มของการใช้จ่ายด้านไอทีในเอเชียใต้ ชี้จีนจะมีการขยายตัวสูงสุด พร้อมคาดจะเป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ
4 ของโลก ขณะที่ การใช้จ่ายส่วนใหญ่เน้นการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นสำคัญ แต่ตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วกลับเป็นซอฟต์แวร์และบริการ
บริษัท ไอดีซี เปิดเผยรายงานฉบับล่าสุด
ระบุภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีน
ที่แม้จะไม่ใช่ตลาดใหญ่มากนัก เมื่อพิจารณาในแง่ของตัวเลขการใช้จ่าย
จะมีอัตราการเติบโตถึง 21.9
% ในระยะเวลา 5 ปี ปูนิ ราชา
รองประธานบริษัทไอดีซี เปิดเผยว่า ปริมาณการใช้จ่ายทางด้านไอที ทั่วโลกในปีนี้
มีมูลค่าทั้งสิ้น ราว 1 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ไม่รวมญี่ปุ่น อยู่ที่ 70,000 ดอลลาร์
โดยสหรัฐ มีสัดส่วนการใช้จ่ายคิดเป็น 4.2% ของจีดีพี
ส่วนเอเชียใต้ เช่น สิงคโปร์ และญี่ปุ่น มีการใช้จ่ายต่อจีดีพี คิดเป็น 3.9% และ 2.1% ตามลำดับ ขณะที่ ไทยมีอัตราการใช้จ่ายด้านไอที
อยู่ที่ระดับน้อยกว่า 1% ของจีดีพี
เมื่อปีที่ผ่านมา ตลาดในภูมิภาคเอเชียหดตัว
คิดเป็นสัดส่วนราว 4-6% เนื่องจาก ญี่ปุ่นและฮ่องกงประสบภาวะซบเซา แต่ในปีนี้ บริษัทไอดีซี
คาดว่า ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
จะเน้นการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์เป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย พีซี 32% เครื่องแม่ข่าย 8% และอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค 10%
แต่ขึ้นอยู่กับการใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นสำคัญ
ตามมาด้วยบริการด้านไอที 26% และซอฟต์แวร์ 14% ปูนี กล่าวว่า แม้จะมีการลงทุนด้านฮาร์ดแวร์ แต่ตลาดที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วกลับเป็นซอฟต์แวร์และบริการ
คิดเป็นสัดส่วน 17% และ16% ตามลำดับ ส่วนการใช้จ่ายด้านอื่นๆ
อาทิเช่น บริการโทรคมนาคม ทั่วโลกอยู่ที่ระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์
เอเชีย-แปซิฟิก 160,000 ล้านดอลลาร์,
โทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั่วโลก 1,000 ล้านเครื่อง
เอเชีย-แปซิฟิกน้อยกว่า 370
ล้านเครื่อง, คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือ พีซี ทั่วโลก 160 ล้านเครื่อง เอเชีย-แปซิฟิกน้อยกว่า 80 ล้านเครื่อง รวมถึงผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต ทั่วโลก 500 ล้านคน เอเชีย-แปซิฟิกน้อยกว่า 120 ล้านคน และผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั่วโลก 150 ล้านคน เอเชีย-แปซิฟิกน้อยกว่า 20 ล้านคน
อุตสาหกรรมไอทีฟื้นตัวสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทไอดีซี ยังระบุว่า
อุตสาหกรรมไอทีโลก จะฟื้นตัวภายในสิ้นปีนี้ และเมื่อถึงปี 2549
ภาคไอทีจะขยายตัวในระดับ 12.4 % หรือคิดเป็นมูลค่า 626,000
ล้านดอลลาร์ ส่วนของสหรัฐ ซึ่งเมื่อปี 2544 ที่ผ่านมา
มีบทบาทสำคัญจนแทบจะครอบงำตลาดไอทีโลก จะยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ในระดับ 11.8
% ไปจนถึงปี 2549
นายเน็ด เมย์
ผู้จัดการแผนกการบริการทั่วโลกของบริษัทไอดีซี เปิดเผยว่า ในระยะสั้น
ภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลก จะยังคงส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายภาคไอที ใน 2 ทาง คือ
ทางแรก จะทำให้อัตราการขยายตัวของตลาดในภาพรวมของปี 2545
ลดลงเล็กน้อย ส่วนทางที่สอง คือ ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จะทำให้การขยายตัวของตลาดมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละส่วน
"ตลาดส่วนที่ถือเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน จะได้รับประโยชน์จากภาวะชะลอตัว
ขณะที่ตลาดส่วนที่มีความสำคัญน้อยกว่า อาทิ ส่วนของการให้คำปรึกษาด้านไอที การเติบโตจะชะลอตัวลง"
นายเมย์ กล่าว
อุปสงค์กลางปีช่วยเพิ่มค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม บริษัทไอดีซี คาดการณ์ว่า อุปสงค์ หรือปริมาณความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีนี้
จะเป็นตัวผลักดันการใช้จ่ายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ อาทิ การเชื่อมระบบต่างๆ
และการประยุกต์ใช้งานของลูกค้า นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ
ที่เป็นแรงผลักดันอุตสาหกรรมไอที รวมไปถึงการยอมรับอุปกรณ์ประมวลผลแบบพกพา
การที่ภาคธุรกิจให้ความสำคัญ กับการใช้ไอทีเพิ่มประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย และโอกาสที่ขยายมากขึ้นในการประยุกต์ใช้ไอที
เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาทางธุรกิจ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นตลาดใหญ่ที่สุดสำหรับบริการไอที ตามด้วยยุโรปตะวันตก
ซึ่งเมื่อรวม 2 ภูมิภาคเข้าด้วยกัน จะคิดเป็นสัดส่วน 74%
ของการใช้จ่ายภาคไอทีทั้งหมด ไปจนถึงปี 2549 ทั้งนี้ ปูนี
กล่าวถึงการใช้จ่ายด้านไอทีในประเทศไทยรอบ 1 ปีที่ผ่านมา ว่า
มีสัดส่วนลดลง เช่นเดียวกับประเทศอินเดีย แต่ตลาดที่มีการขยายตัวอย่างชัดเจน คือ เครื่องแม่ข่ายระบบยูนิกซ์
ซึ่งมีอัตราการเติบโตราว 4-6%
ที่มา
: กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวันที่ 27 พฤษภาคม 2545
|