ลงขัน 200 ล. ตั้งกองทุนไอซีทีอาเซียนชูแผนพัฒนาระดับภูมิภาค
10
ประเทศอาเซียนลงขันตั้งกองทุน "ไอซีทีอาเซียน"
มูลค่า 200 ล้านบาท หวังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระหว่างประเทศ
พร้อมสร้างเครือข่ายเตือนภัยการโจมตีระบบคอมพิวเตอร์ในระดับภูมิภาค ด้าน
"หมอเลี้ยบ" เซ็นสัญญาร่วมมือกับจีนแลกเปลี่ยนประสบ
การณ์ด้านกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม และผลักดันโครงข่ายบรอดแบนด์ระดับเอเชีย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2547 ที่ผ่านมา ที่ประชุมรัฐมนตรีไอซีทีอาเซียน
(ASEAN TELMIN) ซึ่งประกอบด้วยประเทศไทย, สิงคโปร์, มาเลเซีย, เวียดนาม,
กัมพูชา, ลาว, พม่า,
บรูไนดารุสซาลาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย
ได้ร่วมกันแถลงถึงข้อตกลงในการจัดตั้งกองทุนไอซีทีอาเซียน (ASEAN ICT Fund)
เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงระหว่างประเทศ
รวมทั้งโครงการอื่นๆ ที่สมาชิกเสนอมา โดยทุกประเทศจะลงเงินประเทศละ 500,000
เหรียญสหรัฐ รวมเป็นเงิน 5
ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 200 ล้านบาท โดยมีกรอบระยะเวลาการจ่ายเงินเป็นเวลา
5 ปี อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการบริหารจัดการกองทุนและการอนุมัติโครงการต้องให้ที่ประชุมในระดับปลัดกระทรวง
(TELSOM) หาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง
ภายใต้หลักการที่ว่าโครงการที่เงินจากกอง ทุนนี้ต้องเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มอาเซียนทุกประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นพ้องต้องกันในการสร้างเครือข่ายตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินทางคอมพิวเตอร์ระดับชาติ
(national computer emergency response team : CERT) เพื่อพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติการและแชร์ข้อมูลร่วมกันในระดับอาเซียน
หากเกิดการโจมตีทางด้านคอมพิวเตอร์ เช่น หากเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสคอมพิวเตอร์ ก็ต้องส่งข้อมูลเตือนภัยหรือแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นในประเทศตนให้สมาชิกรับทราบ
โดยโครงสร้างของระบบนี้แต่ละประเทศจะต้องพัฒนามาตรฐานและเชื่อมโยงข้อมูลร่วมกันบนโครงสร้างในระดับอาเซียน
นอกจากนี้ ยังมีความคืบหน้าของการทำข้อตกลงยอมรับร่วมกัน (mutual
recognition arrangement : MRA) ในการใช้มาตรฐานอุปกรณ์โทรคม
นาคมและสินค้าไอทีเดียวกัน โดยประเทศสิงคโปร์ได้ทำ MRA ร่วมกับประเทศอินโดนีเซียและบรูไนดารุสซาลามเป็นประเทศล่าสุด
หลังจากที่เซ็นกับมาเลเซียเมื่อปี 2546 โดยข้อตกลงดังกล่าวจะให้การยอมรับใบรับรองอุปกรณ์สื่อสารและไอทีที่ออกโดยประเทศคู่สัญญา
รวมทั้งกำหนดมาตรฐานอุปกรณ์ให้สามารถใช้งานได้ ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศ ไหนก็ตาม
ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการทำสัญญาในระดับทวิภาคี ซึ่งนายลี บุน ยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสารสนเทศ
การสื่อสาร และศิลปะของสิงคโปร์กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของการมีข้อตกลงดังกล่าว เพื่อกระตุ้นและเพิ่มโอกาสในการส่งออกอุปกรณ์สื่อสารระหว่างประเทศ
รวมทั้งสร้างความยืดหยุ่นในการใช้งานให้แก่ผู้บริโภค โดยในปี 2546 มูลค่าการค้าขายอุปกรณ์โทรคมนาคมของสิงค โปร์และมาเลเซียมีมูลค่าถึง 3,500
ล้านเหรียญสิงคโปร์
นอกจากในการประชุมร่วมระหว่าง TELMIN และรัฐมนตรีไอซีทีจากประเทศจีน
ญี่ปุ่น และเกาหลี ได้กล่าวถึงการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านโทรคมนาคม รวมทั้งเห็นพ้องว่าควรจะมีความร่วมมือร่วมกันระหว่างอาเซียนและทั้ง
3 ประเทศในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาสังคมอิเล็กทรอนิกส์และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
และกำหนดมาตรฐานการใช้งานเทคโนโลยี radio frequency identification (RFID) เพื่อใช้จำแนกและบอกข้อมูลของสินค้า เช่น การติดชิปไว้ที่สินค้าเกษตร หากนำสินค้าเข้าเครื่องอ่านรหัส
ผู้ซื้อจะทราบได้ทันทีว่าสินค้าดังกล่าวมาจากแหล่งไหน เริ่มเก็บเกี่ยวเมื่อไหร่ เป็นต้น
เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทำได้สะดวกมากขึ้น โดยประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่เสนอประเด็นนี้ในที่ประชุม
และให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากสิงคโปร์เห็นว่าแนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีดังกล่าวสูงขึ้น
จึงควรกำหนดมาตรฐานการใช้งานให้เป็นแบบเดียวกัน
ด้าน น.พ.สุรพงษ์
สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า นอกจากข้อตกลงในกรอบอาเซียน
ตนยังได้ลงนามความร่วมมือ (joint statement) กับนายหวัง ซู
ตง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห กรรมสารสนเทศ ประเทศจีน เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของหน่วยงานกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม
การแปรรูปรัฐวิสาหกิจ การกระตุ้นการลงทุนและสนับสนุนการวิจัยด้านไอซีทีระหว่าง 2
ประเทศ โดยความร่วมมือดังกล่าวเป็นเพียงกรอบกว้างๆ ซึ่งจะมีคณะทำงานย่อยมาศึกษาในรายละเอียดในแต่ละประเด็นเพื่อดูว่าจะสามารถร่วมมือกันด้านไหนได้บ้าง
แต่ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือการสร้างเครือข่าย "บรอดแบนด์เอเชีย"
ซึ่งเป็นโครงการสร้างโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเชื่อมต่อระหว่างประเทศจีนและ
6 ประเทศลุ่มแม่น้ำโขงรวมทั้งไทยด้วย โดยจะมีการประชุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงเพื่อหารือกันอีกครั้งในต้นเดือนกันยายน
2547 ที่ประเทศจีนอีกครั้งหนึ่ง
ที่มา
: ประชาชาติธุรกิจ
ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2547
|