ไอบีเอ็มอวดเทคโนโลยีเก็บข้อมูลใหม่
นิวยอร์ก - นักวิจัยยักษ์ใหญ่สีฟ้า
เผยผลสำเร็จพัฒนา เทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลใหม่ ระบุมีบางส่วนคล้ายเครื่องตอกรูในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า
เว้นแต่อุปกรณ์รุ่นใหม่มีขนาดเล็กเท่าโมเลกุล รวมทั้งยังสามารถบรรจุข้อมูลได้มากกว่าเครื่องมือจัดเก็บในพีซีปัจจุบันมากถึง
20 เท่า หรือราว 25
ล้านกระดาษหนังสือเรียน
สำนักข่าวเอพี รายงานว่า
นักวิจัยที่ห้องปฏิบัติการซูริค ของบริษัท ไอบีเอ็ม คอร์ป. ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ชั้นนำของโลก
ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ ซึ่งนายปีเตอร์ เวตติเกอร์
หัวหน้าโครงการพัฒนาอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล เปิดเผยว่า เทคโนโลยีดังกล่าว ได้รับการพัฒนาขึ้นภายใต้ชื่อรหัส
"มิลลิพีด" (Millipede)
ตัวแทนของบริษัท ไอบีเอ็ม กล่าวว่า
ต้นแบบของอุปกรณ์มิลลิพีดดังกล่าว สามารถจัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 20 เท่าของเครื่องมือจัดเก็บข้อมูลในคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน
ประกอบด้วย ข้อมูลขนาด 25 ล้านหน้ากระดาษตำราเรียน ทั้งนี้
บริษัท ไอบีเอ็ม ไม่มีแผนผลิตอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเทคโนโลยีมิลลิพีด เพื่อใช้งานแทนบัตรหน่วยความจำความเร็วสูงเทคโนโลยีซิลิคอน
สำหรับคอมพิวเตอร์พกพาและโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภายในปลายปี 2548 นี้ "ไอบีเอ็ม
วางแผนจะผลิตอุปกรณ์ดังกล่าวสำหรับคอมพิวเตอร์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์พกพา
สนองตอบตลาด ที่ต้องการเครื่องมือจัดเก็บข้อมูลที่จุมากกว่าบัตรหน่วยความจำความเร็วสูง
และช่วยประหยัดพลังงานได้ ด้วยขนาดที่เล็กลง และใช้ต้นทุนในการผลิตต่ำ"
นายเวตติเกอร์กล่าว
ตัวแทนของบริษัท ไอบีเอ็ม อธิบายว่า
อุปกรณ์มัลลิพีดนี้ สามารถเก็บข้อมูล 1 เทราบิต (ล้านล้านบิตต่อ
1 ตารางนิ้ว) ไว้บนแผ่นฟิล์มพลาสติกโพลิเมอร์ขนาดเล็กได้
หรือเท่ากับรอยกดพิมพ์เส้นผ่าศูนย์กลาง 10 นานามิเตอร์ (หนึ่งในล้านของมิลลิเมตร) อย่างไรก็ดี
อุปกรณ์ดังกล่าวมีคุณสมบัติไม่เหมือนบัตรตอกรู ตรงที่สามารถเขียนทับใหม่ได้
ซึ่งนั่นหมายถึง ผู้ใช้สามารถลบและเขียนข้อมูลทับได้หลายครั้ง โดยนายเวตติเกอร์
เผยว่า จากการทดสอบของบริษัทไอบีเอ็ม พบว่าสามารถลบและเขียนซ้ำได้หลายหมื่นครั้ง
นอกจากนี้ นายเวตติเกอร์ ยังกล่าวอีกว่า
เทคโนโลยีความจำใหม่นี้ มีลักษณะคล้ายกับการแบบกล้องจุลทรรศน์ปรมาณู
ซึ่งสร้างขึ้นในปี 2529 โดยนายเกิร์ด บินนิ่ง ผู้ร่วมออกแบบเทคโนโลยีมิลลิเพด ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลในฐานะผู้ร่วมคิดค้นกล้องจุลทรรศน์ดังกล่าว
กระนั้น นายเวตติเกอร์ สรุปในตอนท้ายว่า บริษัทไม่มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว
เพื่อโจมตีข้อจำกัดด้านความหนาแน่นของข้อมูลบนชิพหน่วยความจำความเร็วสูง พร้อมเพิ่มเติมว่า
อุปกรณ์ดังกล่าว เหมาะที่จะนำไปประยุกต์ใช้กับนาฬิกาข้อมือ เนื่องจาก
สามารถบรรจุข้อมูลได้ราว 10-15 กิกะไบต์
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 13 มิถุนายน
2545
|