ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ร่วมกับ กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดงานแถลงข่าว “โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยบูรณาการการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน” เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ที่ผ่านมา โดยมี น.ส.เสาวณี มุสิแดง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลเอกสุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน พร้อมด้วย ดร.ชฎามาศ ธุวะเศรษฐกุล รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เข้าร่วมงาน
“โครงการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดยบูรณาการการใช้ซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน” เป็นโครงการที่เนคเทคได้พัฒนาชุดซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ โดย ร่วมมือกับสพฐ. นำมาถ่ายทอดความรู้ให้กับครูผู้สอนและนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ทั่วประเทศไทย ในรูปแบบการจัดค่ายพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ โดยจำลองสถานการณ์การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนที่มุ่งเน้นและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านการเขียนให้กับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่ตอบสนองต่อการเรียนรู้ของนักเรียนซอฟต์แวร์ช่วยการเขียนในการเรียนการสอน ประกอบไปด้วยซอฟต์แวร์ 4 รายการ ได้แก่
-โปรแกรมเลือกศัพท์ไทย (Thai Word Prediction) มีคุณสมบัติคือช่วยเดาคำศัพท์เป้าหมายและเติมเต็มคำศัพท์ให้สมบูรณ์ พร้อมทั้งเดาคำศัพท์คำต่อไปโดยจะมีรายการคำศัพท์แสดงที่ผู้ใช้สามารถเลือกคำศัพท์จากการฟังเสียงอ่านได้
-โปรแกรมค้นหาศัพท์ไทย (Thai Word Search) มีคุณสมบัติคือสามารถพิมพ์คำศัพท์ใดๆ เพื่อค้นหาคำศัพท์ที่เขียนถูกต้อง โดยโปรแกรมจะแสดงรายการคำศัพท์ที่ถูกต้องหรือใกล้เคียงเพื่อให้เลือก ผู้ใช้สามารถเลือกคำศัพท์จากการฟังเสียงอ่านได้
-โปรแกรมตรวจคำผิดไทย (Thai Spell Checker) มีคุณสมบัติคือช่วยตรวจสอบงานพิมพ์ว่ามีคำที่สะกดผิดหรือไม่ หากพบที่ผิด โปรแกรมจะแสดงว่ามีคำศัพท์ใดบ้างในเอกสารที่อาจจะผิด และแสดงรายการคำที่ถูกต้องให้เลือกพร้อมการอ่านออกเสียง
-โปรแกรมพิมพ์ไทย (Thai Word Processor) มีคุณสมบัติพิเศษ ประกอบด้วยฟังก์ชันเลือกศัพท์ไทย ฟังก์ชันค้นหาศัพท์ไทย และฟังก์ชันตรวจคำผิดไทย นอกจากนี้โปรแกรมพิมพ์ไทยจะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมคือผู้ใช้สามารถเลือกให้โปรแกรมอ่านข้อความได้ในระดับคำ ระดับประโยคและย่อหน้า พร้อมทั้งแสดงแถบสีขณะอ่านออกเสียง
และในโอกาสนี้ ยังได้จัดพิธีมอบงบประมาณการสนับสนุนการจัดกิจกรรมค่ายพัฒนาศักยภาพการเขียนสำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ สืบเนื่องมาจากในปี 2556 - 2558 ที่ผ่านมา สวทช. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนการส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาสำหรับคนพิการ กระทรวงศึกษาธิการ จำนวนกว่า 40 ล้านบาท และได้ดำเนินการถ่ายทอดความรู้การใช้งานชุดซอฟต์แวร์ช่วยการเขียน โดยจัดกิจกรรมค่ายพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ด้านการเขียน ด้วยเทคโนโลยีสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับครูที่ต้องสอนนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ จำนวน 934 โรงเรียน และในปีนี้รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณภายใต้แผนงานบูรณาการพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต มีการขยายผลการนำชุดซอฟต์แวร์ไปใช้ในโรงเรียนในพื้นที่อีก 66 จังหวัดทั่วประเทศ โดยจัดสรรงบประมาณเพิ่มอีกกว่า 60 ล้านบาท รับการดำเนินงานของโครงการนี้ สวทช. และ สพฐ. ร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยภาครัฐ 4 แห่งในการเป็นศูนย์ประสานงานการถ่ายทอดความรู้ โดยการจัดค่ายพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่บกพร่องทางการเรียนรู้ ครอบคลุม 4 ภูมิภาค ประกอบด้วย
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาคในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม 15 จังหวัด
- สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ในพื้นที่ภาคกลาง และพื้นที่ภาคใต้ตอนบน รวม 21 จังหวัด
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ในพื้นที่ภาคเหนือ รวม 15 จังหวัด
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นศูนย์ประสานงานภูมิภาค ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 15 จังหวัด
โครงการนี้มีเป้าหมายที่ให้ครูและนักเรียนได้รับการถ่ายทอดความรู้จำนวนทั้งสิ้น 9,240 คน แบ่งเป็น ครู 4,620 คน และนักเรียน 4,620 คน จาก 2,310 โรงเรียน ใน 66 จังหวัด
สำหรับครูที่ได้รับการอบรมนี้ จะเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับคณะครูในโรงเรียนของตนเอง ซึ่งถือเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยขยายโอกาส สร้างความเท่าเทียมในการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ เพื่อช่วยให้เติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ ให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป